- ส่องค่าเเรงขั้นต่ำของแต่ละประเทศ
https://wageindicator.org/salary/minimum-wage
หลายๆคนให้ความสนใจในการไปฝึกงานต่างประเทศ ซึ่ง Internship Abroad นั้นก็ตอบโจทย์ใครหลายๆคนที่อยากไปลองทำงานในต่างประเทศ ซึ่งการไปทำงานต่างประเทศนั้นก็แน่นอนเรื่องรายได้เป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสนใจ โดยเราจะมาเช็คค่าแรงขั้นต่ำของแต่ละประเทศที่เปิดรับ Internship Abroad โดยข้อมูลนี้เป็นรายได้ขั้นต่ำของแต่ละประเทศซึ่งในการทำงานจริงอาจมีความคลาดเคลื่อนขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆโดยวันนี้ประเทศที่เราเลือกมามีทั้งหมด 8 ประเทศด้วยกัน
USA
เริ่มต้นที่ประเทศ สหรัฐอเมริกาที่เป็นที่นิยมที่หลายๆคนอยากไป Internship abroad เนื่องจากมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ซึ่งสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีความหลากหลายและความแตกต่างอยู่ที่ประเทศนั้น มีงานที่ได้รับความนิยมที่ประเทศนี้โดยรายได้ขั้นต่ำของประเทศอเมริกาอยู่ที่ 256-427 บาท/ต่อชั่วโมงซึ่งจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งงานต่างๆ โดย ตำแหน่งที่ได้รับความนิยมสูงในสายงาย Hospitality ที่หลายๆคนสนใจไปฝึกงานนั้น มีตำแหน่ง F&B , Culinary , Room , Frond Desk , Human Resources Assistant, Pastry เป็นต้น นอกจากนี้ USA ยังเปิดรับสาขาอื่นด้วย เช่น Business , Engineer, Communication Art เป็นต้น ซึ่งการมาฝึกงานที่นี้ต้องได้ Skill ที่เพิ่มศักยภาพของตัวเองกลับไปด้วยแน่นอน
Canada
ประเทศที่ 3 คือ ประเทศแคนนาดา หรือมี่หลายๆคนนึกขึ้นได้คือใบเมเปิ้ล ซึ่งเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ได้รับความสนใจมากเนื่องจากมีความเป็นเอกลักษณ์และมีสถานที่ทำงานและตำแหน่งที่เปิดรับที่น่าสนใจซึ่งรายได้ขั้นต่ำของประเทศนี้อยู่ประมาณ 429.35 บาทต่อชั่วโมง โดยเมืองที่เปิดรับ Internship Abroad ได้แก่ Montreal ซึ่งตำแหน่งและสายงานที่เปิดรับ ได้แก่ Architectural and Real Estate , Business ,Engineering ,Finance , Legal ,Tourism & Travel , Hospitality , Technology , Marketing & PR , Media & Creative Industries , Logistics และ Green Technology ใครที่มีความฝันที่ต้องการใช้ชีวิตที่ประเทศแคนนาดาลองไป Internship Abroad ที่นี่ดูเลย !
Australia
ประเทศที่ 4 ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งประเทศออสเตรเลียเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดอันดับที่ 6 ของโลกถึงแม้จะเป็นประเทศที่กว้างแต่เมืองต่างๆและผู้คนที่นี่ก็น่ารักและมีความอบอุ่น เป็นประเทศในฝันของใครหลายๆคนที่อยากไป Internship Abroad เพราะ lifestyle ของคนออสเตรเลียที่มีความทันสมัย ซึ่งรายได้ขั้นต่ำที่ออสเตรเลีย อยู่ที่ 380-500 บาท/ชั่วโมง โดยเมืองที่เปิดรับได้แก่ Melbourne และ Sydney ซึ่งสาขาและตำแหน่งงานที่เป็นที่ต้องการคือ Architectural and Real Estate , Business , Engineering , Finance , Hospitality , Technology , Marketing & PR , Media & Creatives Industries ซึ่งการไป Internship Program ที่นี่ จะได้ประสบการณ์ที่หาที่ไหนไม่ได้เลย การได้ไปใช้ชีวิตที่ออสเตรเลีย ถือว่าเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ ดังนั้นใครกำลังตัดสินใจอย่ามองข้ามประเทศนี้กันนะ
New Zealand
ประเทศที่ 5 นิวซีแลนด์ ประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องความปลอดภัยและมีสภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ นอกจากนี้ที่เมืองหลวงของประเทศนี้ยังเป็นศูนย์รวมของสถาปัตยกรรมไม้สไตล์วิคตอเรีย และก็เป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมที่มี คามน่าสนใจโดยเงินเดือนขั้นต่ำของที่ประเทศนิวซีแลนด์อยู่ที่ 380-500 บาทต่อชั่วโมง ซึ่งเมืองที่เปิดรับ Internship Abroad ได้แก่เมือง Wellington หรือ Auckland และมีหลากหลายตำแหน่งงานที่เป็นที่ต้องการในนิวซีแลนด์ เช่น Architectural and Real Estate , Business, Engineering ,Finance, Hospitality, Technology , Legal , Logistics , Marketing & PR , Media & Creatives Industries , Green Technology, Tourism & Travel น้องๆคนไหนที่เรียนมาด้านไหนและสนใจอยากใช้ชีวิตนิวซีแลนด์โปรแกรมInternship ถือว่าเป็นโครงการที่ตอบโจทย์เลย
Japan
ประเทศที่ 6 ญี่ปุ่น ประเทศญี่ปุ่น สำหรับใครที่สนใจ Internship Abroad ในประเทศที่อยู่ในแถบเอเชีย ซึ่งประเทศญี่ปุ่นเป็นอีกประเทศที่มีความน่าสนใจ ทั้งเป็นเมืองท่องเที่ยว ประเทศที่มีระเบียบ นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมในสิ่งของ ที่มีความก้าวหน้าและแปลกใหม่ สำหรับแรงงานขั้นต่ำของคนญี่ปุ่น อยู่ที่ประมาณ 320 บาทต่อชั่วโมง ซึ่งInternship Abroad ที่ประเทศนี้ต้องได้ไอเดียเจ๋งๆกลับมาแน่นอน การไป Internship Abroad ที่ ญี่ปุ่นมีกลิ่นอายความเป็นเอเชีย ความมีน้ำใจของผู้คน ซึ่งญี่ปุ่นก็เป็นอีกหนึ่งประเทศยอดฮิตในการไป Internship Abroad ในเอเชีย ซึ่งเมืองที่เปิดรับมี เมือง Osaka และ Tokyo ตำแหน่ง Architectural and Real Estate , Business , Engineering ,Finance ,Green Technology , Healthcare and Pharmaceuticals , Hospitality INTERNSHIP SECTORS ,Technology , Legal , Logistics , Marketing & PR , Media & Creatives Industries , Tourism & Travel
Dubai
ประเทศที่ 7 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเมื่อใครได้ยินชื่อก็จะนึกถึงความมั่งคั่งหรือความร่ำรวยของประเทศนี้ โดยค่าแรงขั้นต่ำของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อยู่ที่ประมาณ 270 บาท ต่อชั่วโมง เมื่อพูดถึงรัฐที่เปิดในการไปฝึกงานก็ต้องบอกว่าเมื่อได้ยินชื่อแล้วหลายๆคนต้องอยากไปเปิดประสบการณ์แน่นอน รัฐที่ว่าก็คือดูไบ นั่นเอง! โดยจุดเด่นของที่นี่ก็ต้องบอกเลยว่าเป็นเรื่องของ Technology และ Hospitality ใครสายนี้ลองมาฝึกงานที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยที่ประเทศนี้ไม่ได้ใช้แค่ภาษาอารบิกอย่างเดียวยังมีการใช้ภาษาอังกฤษด้วย เพราะฉะนั้นสำหรับใครที่กังวลเรื่องภาษานั้นไม่ต้องเป็นห่วงอีกต่อไป ลุยไปเลย นอกจากนี้หลังจากการฝึกงานยังสามารถอยู่เที่ยวที่นี่ได้นานเป็นเดือนเลย ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ดูไบแตกต่างจากที่อื่นมากๆเลย ไม่ว่าจะเป็น The Palm Islands ที่เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่สำคัญของที่นี่ ทั้งอลังการและสวยงามสมคำล่ำลือ แต่ก็ต้องบอกก่อนว่าสำหรับใครตั้งใจจะไปที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ควรศึกษาเรื่องสภาพอากาศของที่นี่ให้ดีด้วย ไม่เช่นนั้นอาจจะไปผิดฤดูกาลของที่นั้นได้
Korea
ประเทศเกาหลี หนึ่งในประเทศดวงใจของใครหลายๆคน อย่างที่ทราบกันดีว่าเกาหลีเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ได้รับความนิยมในการไปท่องเที่ยว แต่รู้หรือไม่ว่าเกาหลีมี Internship Abroad เช่นกัน โดยหลายคนอยากลองไปใช้ชีวิตแบบ Korea Style ต้องบอกเลยโครงการนี้ตอบโจทย์ และแน่นอนรายได้ขั้นต่ำของที่นี่ก็อยู่ที่ประมาณ 253.35 บาท ต่อชั่วโมง ซึ่งต้องบอกก่อนว่าเหมาะกับใครหลายคนที่อยากลองไปฝึกงานในประเทศแถบเอเชีย ซึ่งมีความน่าสนใจมากๆ ทั้งเรื่องวัฒนธรรม อาหาร หรือเรื่องแฟชั่นแบบฉบับชาวเกาหลี โดยเมืองที่เปิดรับการฝึกงานคือ Seoul ใจกลางเมืองที่เกาหลี และสาขาที่รับฝึกงาน Business, Engineering, Finance, Hospitality และ Technology ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสใหม่ๆที่ทำให้เราได้ลองไปแลกเปลี่ยนการทำงานในประเทศเกาหลี และต้องบอกเลยว่าเพื่อนๆชาวเกาหลีใช้ภาษาอังกฤษกันเยอะขึ้นมากๆ และยินดีต้อนรับเพื่อนๆจากหลายที่ไปฝึกงานที่เกาหลี
Germany
ประเทศเยอรมนี เมืองของทิวทัศน์ที่สวยงามและบรรยากาศแห่งความโรแมนติก นอกจากนี้ประเทศเยอรมนี ยังเป็นประเทศที่มีผู้ให้ความสนใจด้านภาษาเยอรมนีเป็นจำนวนมากไปฝึกงานเช่นกัน ซึ่งประเทศนี้มีค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่ประมาณ 450 บาท ต่อชั่วโมง โดย Internship Abroad เมืองที่เปิดรับได้แก่ Munich และ Frankfurt ทั้งนี้ประเทศนี้เหมาะสำหรับนักศึกษาที่เรียนสาย Engineer และ Business มากๆ ซึ่งการไปฝึกงานที่นี้จะได้เรียนรู้ภาษาอย่างแน่นอน การได้ลองฝึกงานที่ประเทศเยรมนี ก็ถือเป็นก้าวเริ่มต้นในการสร้างคอนเน็กชั่นกับเพื่อนๆต่างภาษาได้และยังเป็นบันไดในการทำงานที่ประเทศนี้ได้ด้วย
2.ค่าครองชีพ ที่ USA ไม่ได้สูงอย่างที่คิด
- การเลือกประเทศในการไป Internship Abroad แน่นอนว่าต้องมีหลายปัจจัยที่ส่งผลให้เราตัดสินใจในการเลือกประเทศนั้นๆ ซึ่งปัจจัยหลักๆคือค่าใช้จ่ายของแต่ละประเทศที่เราให้ความสนใจ ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่อง ค่าครองชีพของประเทศ สหรัฐอเมริกา หลายๆคนคิดว่าการใช้ชีวิตที่อเมริกานั้นต้องใช้เงินหลายเท่าเมื่อเทียบกับประเทศไทย แต่จริงๆแล้ว ค่าครองชีพของประเทศ สหรัฐอเมริกา นั้นก็เหมาะสมกับรายได้ที่เราได้รับ เรามาลองดูข้อมูลคร่าวๆของค่าครองชีพของที่ประเทศนี้ดีกว่าว่าอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ ใน USA ค่าใช้จ่ายประมาณ $538.03–$613.03 ต่อเดือน โดยค่าใช้จ่ายที่เราจะต้องต้องจ่ายรายเดือนมีอะไรบ้างมาดูกัน
- Electricity $117.46
- Natural Gas $61.69
- Water $45.44
- Sewer $66.29
- Trash $25-$100
- Internet $59.99
- Phone $114
- Streaming Service $48.25
ซึ่งจำนวนเงินนี้เป็นการประมาณการ แต่จริงๆแล้วขึ้นอยู่กับ เมืองที่เราอยู่อาศัย , จำนวนผู้อยู่อาศัย , ขนาดที่อยู่อาศัย ก็จะแตกต่างกันไปตามความเป็นอยู่ของแต่ละคน อย่างไรก็ตามอยากให้ทุกคนเปิดใจใรการลองใช้ชีวิตที่ USA ดูสักครั้งนะคะ
https://www.move.org/utility-bills-101/
https://worldpopulationreview.com/state-rankings/cost-of-living-index-by-state
- Internship abroadไม่ได้ใช้งบเยอะอย่างที่คิด
Internship Abroad เป็นโครงการที่หลายๆคนให้ความสนใจ ซึ่งต้องบอกก่อนว่าโครงการนี้เหมาะกับน้องๆนักศึกษาทุกๆคนเพราะเกณฑ์การไป Internship ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด และยังสามารถไปได้ทั้งปีซึ่งช่วงเวลาก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคนเลย โดย Internship Abroad จริงๆแล้วไม่ได้มีแค่ประเทศในยุปโรปเท่านั้น ยังมีประเทศในเอเชียด้วยมาดูกัน
Asia
- Japan- Tokyo, Osaka
- Korea – Seoul
- Vietnam- Ho Chi Minh
- China – Beijing, Shanghai ,Guangzhou Shenzhen
Europe
- Canada- Montreal –
- UK- London, Manchester 85,000 (95,000)
- France-Paris 85,000
- Spain- Barcelona, Madrid 85,000
- New Zealand- Wellington, Auckland 85,000
- Australia Sydney , Melbourne 135,000
- Germany 85,000
- Switzerland 120,000
- USA – Hawaii , LA , New York 85,000
- Emirate – Dubai 75,000
- เลือกที่พักที่ USA แบบไหนให้เหมาะกับเรา
ไปฝึกงานที่USA เลือกที่พักแบบไหนดี เพราะเราต้องไปอาศัยอยู่เป็นเวลาระยะหนึ่ง ฉะนั้นการเลือกที่พักถือเป็นเรื่องสำคัญ เรามาดูกันว่าการจองที่พักใน USA มีแบบไหนบ้างและแตกต่างกันอย่างไร
- Homestay – การอาศัยอยู่กับครอบครัวอชาวอเมริกัน เป็นวิธีที่ในการดื่มด่ำกับวัฒนธรรมท้องถิ่นและฝึกฝนทักษะทางภาษาของเราด้วย โฮมสเตย์มักจัดเตรียมห้องส่วนตัวและอาหารให้ เราได้ด้วยซึ่งก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
- Air Bnb – เว็บไซต์ในการหาสถานที่พักยอดนิยม ซึ่งจะมีห้องให้เช่าช่วงห้องหรืออพาร์ตเมนต์จากนักศึกษาที่ไม่อยู่ช่วงฤดูร้อน เว็บไซต์อย่างเช่น Airbnb ซึ่งจะสามารถช่วยในการค้นหาห้องที่เหมาะกับเรา
- House – บริษัทหรือสถานที่ฝึกงานอาจจะมีตัวเลือกที่พักสำหรับนักศึกษาฝึกงาน ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบของอพาร์ทเมนต์ หอพัก หรืออพาร์ทเมนต์ตกแต่งแล้ว เราสามารถสอบถามที่ฝึกงานเพื่อดูว่ามีการเตรียมไว้สำหรับนักศึกษาฝึกงาน
- Apartment – การเช่าห้องหรืออพาร์ทเมนต์ถือเป็นอีกทางเลือกที่เด็กๆใน Internship Program นิยมอาศัยอยู่ เพราะรูปแบบห้องและราคาที่หลาหลายเราสามารถเลือกได้ตามความชอบและเหมาสม
อย่าลืมศึกษาข้อมูลตัวเลือกที่พักอย่างละเอียด พิจารณาสถานที่ตั้งและการเดินทางไปสถานที่ฝึกงาน อ่านรีวิว และชั่งน้ำหนักค่าใช้จ่ายและผลประโยชน์ก่อนตัดสินใจ สิ่งสำคัญคือต้องจัดลำดับความสำคัญของความปลอดภัยและตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเช่าจากแหล่งที่เชื่อถือได้
- Tip Vs Service Charge
เมื่อพูดถึงการรับประทานอาหารนอกบ้านหรือรับบริการต่างๆ เรามักจะเจอกับคำถามว่าควรให้ทิปเท่าไร ตามธรรมเนียมแล้ว การให้ทิปเป็นวิธีปกติในการแสดงความขอบคุณสำหรับการบริการที่ดี อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สถานประกอบการบางแห่งเริ่มเก็บ service charge แทนการให้ทิป ซึ่งก็ทำให้หลายคนสับสนว่าสองอย่างนี้แตกต่างกันอย่างไร
ทิป เป็นการให้ค่าตอบแทนเพิ่มเติมกับพนักงาน เพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับการบริการที่ดีในขณะที่ลูกค้าได้ใช้อยู่ในร้านอาหาร หรือ ในการบริการครั้งนั้น ซึ่งแสดงถึงความประทับใจของลูกค้าที่ชื่นชอบการบริการขณะนั้น โดยทางลูกค้าเป็นฝ่ายให้โดยสมัครใจให้แก่พนักงงานคนนั้นๆเอง แต่ในทางกลับกัน Service Charge จะถูกทางร้านอาหารตั้งไว้ล่องหน้าและบวกเพิ่มเข้าไปในบิลเรียบร้อย เพื่อเป็นค่าบริการอื่นๆของร้าน ซึ่งลูกค้าก็จะชำระรวมไปในบิลนั้นๆ
อย่างไรก็ตามใครสนใจฝึกงานสาย Hospitality ควรรู็ความแตกต่างของทั้งสองไว้เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดได้นะ